|
|
รู้จักเกาะกูด สรุปข้อมูลครบทุกด้าน เกาะกูดคืออะไร อยู่ที่ไหน เที่ยวช่วงไหนดีเกาะกูด ปรากฏชื่ออยู่ในจารึกของจีนมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ดังปรากฏในหนังสือ "เจิ้งเหอหางไห่ถู" เป็นหนังสือประเภทการเดินเรือของท่านเจิ้งเหอ ผู้เขียนเป็นคนในสมัยราชวงศ์หมิง ในแผนที่เบอร์ 13 กล่าวถึง "เสี่ยวซื่อหลาน" บันทึกไว้ว่า "เสี่ยวซื่อหลานนี้อยู่ทางทิศเหนือของอ่าวไทย" หรือว่าหมายถึง Koh Tao Mo ที่อยู่ทางฝั่งใต้ของสัตหีบ บ้างว่าหมายถึง เกาะกูด
![]() ขอบคุณภาพ FB : Dr.Winai Dahlan
ในขณะที่ หนังสือกว่างจี้ เป็นหนังสือบันทึกเรื่องราวชาวป่าเถื่อน 4 เผ่า กล่าวถึงเซียนจี๋ซาน บันทึกไว้ว่าเซียนจี๋ซานนี้ หมายถึง เกาะกูด หรือ เกาะหมากของไทยในปัจจุบัน และเจี่ยวกู่หวี่ บันทึกไว้ว่าเจี่ยวกู่หวี่นี้ อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวไทยในปัจจุบัน อันหมายถึง เกาะกูด ของไทย ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ชาวฮอลันดาได้จัดทำแผนที่ราชอาณาจักรไทยและประเทศที่อยู่โดยรอบ ปรากฏชื่อเกาะที่อยู่บริเวณที่ตั้งของเกาะช้างว่า Macora และตำแหน่งบริเวณเกาะกูดว่า Pealan เกาะกูด ปรากฏชื่อเป็นครั้งแรกในเอกสารประวัติศาสตร์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ปีพุทธศักราช 2325 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ตั้งกรุงเทพมหานคร องค์เชียงสือและครอบครัว ได้หลบหนีกองทัพขององค์ไกเซิน เจ้าเมืองกุยเยิน ที่ยกมาตีเมืองไซ่ง่อน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาในปีจุลศักราช 1148 (พ.ศ. 2339) องค์เชียงสือคิดจะกอบกู้บ้านเมืองคืน ครั้นจะกราบทูลลาไป ก็เกรงพระราชอาญาด้วยการศึกพม่ายังรบพุ่งติดพันกันอยู่ จึงเขียนหนังสือกราบถวายบังคมแล้วหนีออกมาพร้อมด้วยองค์ญวนอีกหลายคน ครั้นหนีมาแล้ว จึงปรึกษากันว่าจะไปพักที่ใด องค์จองจึงว่าไปพักที่เกาะกูดเมืองตราด ในเวลานั้นบนเกาะกูดมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากเท่าใดนัก องค์เชียงสือพำนักอยู่ที่เกาะกูดเป็นเวลา 1 ปี บริเวณที่องค์เชียงสือพำนักอยู่ก็คือบริเวณ "น้ำตกคลองเจ้า" ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ "น้ำตกคลองเจ้า" น้ำตกอันเลื่องชื่อของเกาะกูด ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรชาวตราดถึง 12 ครั้ง และในการเสด็จนั้น ทรงเสด็จมาที่เกาะกูดถึง 2 ครั้ง คือ ในการเสด็จครั้งที่ 8 ในปี พ.ศ. 2430 และในการเสด็จประพาสเมืองตราดครั้งที่ 12 ในปี พ.ศ. 2450 ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสเกาะกูดเมื่อปี พ.ศ. 2454 และได้พระราชทานนามน้ำตกคลองเจ้าว่า "น้ำตกอนัมก๊ก" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงองค์เชียงสือ พร้อมทั้งได้ทรงสลักพระปรมาภิไธยของพระองค์ท่านไว้บนก้อนหินซึ่งก้อนหินนี้ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ตั้งอยู่บริเวณชั้นแรกของน้ำตกคลองเจ้าในปัจจุบัน
เกาะกูด นับเป็นเกาะสุดท้ายของจังหวัดตราด เพราะเป็นเกาะที่มีชายแดนน่านน้ำติดกับประเทศกัมพูชา เกาะกูดนับว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ในจังหวัดตราด รองลงมาจากเกาะช้าง (อันดับ 2 ของจังหวัดตราด อันดับ 4 ของประเทศไทย) เนื้อที่ประมาณ 65,625 ไร่ มีฐานะเป็นอำเภอ ขึ้นอยู่กับจังหวัดตราด ห่างจากตัวจังหวัดตราดมาทางทิศใต้ประมาณ 82 กิโลเมตร (ห่างจากฝั่งอำเภอคลองใหญ่ประมาณ 40 กิโลเมตร) ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ในอดีตนั้น น้อยคนนักจะได้เคยมาสัมผัสกับความงดงามทางธรรมชาติของเกาะกูด ขณะเดียวกันก็ทำให้ชื่อของเกาะกูดเป็นที่สนใจของเจ้านายชั้นสูงและนักท่องเที่ยวแนวผจญภัยที่รักธรรมชาติและชอบความท้าทาย ดังปรากฏว่า นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่อยมา เกาะกูดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเจ้านายชั้นสูง เมื่อประพาสชายทะเลตะวันออก มักทรงแวะประทับหลายพระองค์ ทั้งนี้ อาจเป็นผลจากความงดงามของหาดทราย และน้ำทะเลสีใสมรกตที่ได้รับการขนานนามว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” เกาะกูด ยังมีน้ำตกหลายแห่ง โดยเฉพาะน้ำตกคลองเจ้าที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นและปรากฏอยู่ในบันทึกการเที่ยวของชนชั้นสูงในอดีต ปรากฏเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ให้ได้เรียนรู้ในเวลาต่อมา การเปลี่ยนแปลงและการเติบโต: จากเกาะที่ซ่อนตัว สู่แหล่งดึงดูดใจ หลายทศวรรษผ่านไป เกาะกูดยังคงรักษาความเงียบสงบและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไว้ได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อโลกเริ่มตระหนักถึงคุณค่าของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและความต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง เกาะกูดก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเริ่มค้นพบความมหัศจรรย์ของเกาะกูด ตราด แห่งนี้ ทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและที่พักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ปัจจุบัน : อัญมณีแห่งอ่าวไทยที่ทั่วโลกหลงใหลและปรารถนาจะมาเยือน
ปัจจุบัน เกาะกูด ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก ที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือน ด้วยความโดดเด่นของน้ำทะเลสีฟ้าใสราวคริสตัลที่ไล่เฉดสีจากเขียวมรกตอ่อน ๆ ไปจนถึงน้ำเงินเข้ม หาดทรายขาวละเอียดนุ่มเท้า ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และต้นมะพร้าวที่พริ้วไหวตามลม สร้างบรรยากาศเขตร้อนอันงดงามที่หาชมได้ยาก ทำให้หลายคนยกให้เกาะกูดเป็น "มัลดีฟส์เมืองไทย" ทำไมต้องเที่ยวเกาะกูด ? เกาะกูดยังคงรักษาเสน่ห์ของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนเกาะท่องเที่ยวบางแห่งที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับ ความเงียบสงบอย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวสามารถ พักผ่อนบนหาดทรายส่วนตัว : นอนอาบแดดบนหาดทรายที่เงียบสงบ เช่น หาดคลองเจ้า หาดบางเบ้า ที่สวยงามและคนไม่พลุกพล่าน ดำน้ำตื้น/ดำน้ำลึก : ชมแนวปะการังที่สมบูรณ์ และฝูงปลาหลากสีสัน หรือจะดำน้ำลึกเพื่อสำรวจโลกใต้ทะเลที่ยังคงความงดงามตามธรรมชาติก็ย่อมได้ เกาะกูดสวยไหม ? มีกิจกรรมอะไรบ้าง รับรองว่าสวยจนคุณต้องตกหลุมรัก เยี่ยมชมน้ำตกคลองเจ้า : หนึ่งในไฮไลท์ของเกาะกูดคือ น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี ให้คุณได้เล่นน้ำคลายร้อนและสัมผัสความสดชื่นจากธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม พายเรือคายัค/พาย SUP : สำรวจป่าโกงกางและลากูนที่เงียบสงบ ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ : สัมผัสรสชาติอาหารทะเลพื้นบ้านที่อร่อยล้ำ ที่พักเกาะกูด : ที่พักบนเกาะกูดก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกงบประมาณและความต้องการ ตั้งแต่บังกะโลริมหาดที่เรียบง่ายราคาสบายกระเป๋า ไปจนถึงรีสอร์ทเกาะกูดหรูหราระดับโลกที่ผสมผสานความสะดวกสบายเข้ากับความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว หลายแห่งเน้นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การมาเยือนเกาะแห่งนี้เป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เกาะกูดในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกาะเล็ก ๆ ในอดีตอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสวรรค์ของนักเดินทางผู้แสวงหาความสงบ ความงดงามของธรรมชาติ และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และด้วยความมุ่งมั่นที่จะรักษาสภาพแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เกาะกูดจะยังคงเป็นอัญมณีล้ำค่าแห่งอ่าวไทยที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาสัมผัสไปอีกนานแสนนาน ถ้าคุณอยากมาเที่ยวเกาะกูด เราคือผู้ประกอบการพื้นที่ตราดโดยตรง พร้อมที่จะบริการให้คุณมาสร้างความทรงจำอันล้ำค่าที่เกาะกูดกับเรา kohkoodtravel.com |
|